เด็กติดโทรศัพท์ระวังเป็น โรคด่วน
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
เด็กติดโทรศัพท์ระวังเป็น โรคด่วน
เด็กติดโทรศัพท์ระวังเป็น โรคด่วน
วันนี้ (16 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิตให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหนังสือพิมพ์รายวันของสเปนรายงานว่า ผู้ปกครองนำเด็กอายุ12 ปีเข้ารับการักษาโรค เสพติดโทรศัพท์มือถือ ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นรายแรกเนื่องจากขาดมือถือไม่ได้จนไม่เป็นอันเรียนหนังสือ ว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ชอบพูดชอบคุย อยากสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนจึงพบพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เกินความจำเป็น บางคนเสียค่าโทรเดือนละ10,000-20,000 บาทได้ ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลการใช้โทรศัพท์ของลูกด้วย เพราะมือถือสามารถเข้าถึงการดาวโหลดรูปภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือยังบ่มเพาะให้เกิดพฤติกรรม โรคด่วนได้ คือรออะไรไม่ได้เพราะมือถือสามารถส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสได้ภายในไม่กี่นาทีและได้รับคำตอบกลับมารวดเร็วเช่นกัน ต่างกับสมัยก่อนที่ใช้การเขียนจดหมายต้องใช้เวลารอคอยการตอบความรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนรุ่นใหม่รอคอยอะไรไม่
นพ.ทวีศิปล์ กล่าต่อว่า ด้วยสภาพปัญหาการจราจร บางครอบครัวต้องซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกตั้งแต่ชั้นอนุบาล เพราะใช้ในการนัดหมายจุดที่พ่อแม่มารับ-ส่ง เนื่องจากไม่มีที่จอดรถรับ-ส่ง ทั้งนี้หากใช้ด้วยเหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่เสียหาย จึงอยากให้ใช้มือถือเหมือนเป็นของใช้ส่วนกลาง อย่าให้เด็กมีอภิสิทธิ์ในการโหลดภาพ หรือให้เบอร์กับคนนั้นคนนี้จนไม่สามารถควบคุมการใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาพสังคมไทยที่พ่อแม่ต้องมาทำงานที่อื่นและใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อพูดคุยกันส่งผลเสียหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าตนเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีในการสร้างสัมพันธ์พ่อแม่ลูกการได้ยินเสียงพ่อแม่หรือลูกทำให้ชื่นใจ หายคิดถึงลดความเครียดจากความวิตกกังวลเป็นห่วงได้ เมื่อถามว่า อายุน้อยที่สุดที่จะให้ลูกมีมือถือควรเป็นเท่าใด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าขอให้พิจาณาที่ความเหมาะสมว่า ลูกรู้จักรับผิดชอบได้หรือไม่ต้องไม่กระทบค่าใช้จ่าย การใช้เวลาว่าง สำหรับเด็กวัยอนุบาลคิดว่าไม่สนใจเล่นมือถือ ขณะที่เด็กวัยรุ่นจะสนใจฟังชั่นก์ต่าง ๆ มากกว่าเด็กเล็ก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่ามีพ่อแม่ปรึกษาเรื่องลูกวัยรุ่นติดโทรศัพท์มานานแล้วแต่จำนวนไม่มากโดยเป็นพฤติกรรมติดโทรศัพท์ในระดับมัธยมศึกษา อายุ 2-3 ขวบยังไม่พบเป็นโรคติดมือถือ ทั้งนี้มีผลการวิจัยในต่างประเทศ พบว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ พบว่ากลุ่มที่ใช้มือถือ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากกว่ากลุ่มไม่ใช้ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า มือถือทำให้เด็กและเยาวชนสร้างสัมพันธภาพต่อกันอย่างรวดเร็ว ใกล้ชิดกันจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้.
ที่มา : เวบไซด์เดลินิวส์
วันนี้ (16 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิตให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหนังสือพิมพ์รายวันของสเปนรายงานว่า ผู้ปกครองนำเด็กอายุ12 ปีเข้ารับการักษาโรค เสพติดโทรศัพท์มือถือ ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นรายแรกเนื่องจากขาดมือถือไม่ได้จนไม่เป็นอันเรียนหนังสือ ว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ชอบพูดชอบคุย อยากสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนจึงพบพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เกินความจำเป็น บางคนเสียค่าโทรเดือนละ10,000-20,000 บาทได้ ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลการใช้โทรศัพท์ของลูกด้วย เพราะมือถือสามารถเข้าถึงการดาวโหลดรูปภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือยังบ่มเพาะให้เกิดพฤติกรรม โรคด่วนได้ คือรออะไรไม่ได้เพราะมือถือสามารถส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสได้ภายในไม่กี่นาทีและได้รับคำตอบกลับมารวดเร็วเช่นกัน ต่างกับสมัยก่อนที่ใช้การเขียนจดหมายต้องใช้เวลารอคอยการตอบความรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนรุ่นใหม่รอคอยอะไรไม่
นพ.ทวีศิปล์ กล่าต่อว่า ด้วยสภาพปัญหาการจราจร บางครอบครัวต้องซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกตั้งแต่ชั้นอนุบาล เพราะใช้ในการนัดหมายจุดที่พ่อแม่มารับ-ส่ง เนื่องจากไม่มีที่จอดรถรับ-ส่ง ทั้งนี้หากใช้ด้วยเหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่เสียหาย จึงอยากให้ใช้มือถือเหมือนเป็นของใช้ส่วนกลาง อย่าให้เด็กมีอภิสิทธิ์ในการโหลดภาพ หรือให้เบอร์กับคนนั้นคนนี้จนไม่สามารถควบคุมการใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาพสังคมไทยที่พ่อแม่ต้องมาทำงานที่อื่นและใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อพูดคุยกันส่งผลเสียหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าตนเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีในการสร้างสัมพันธ์พ่อแม่ลูกการได้ยินเสียงพ่อแม่หรือลูกทำให้ชื่นใจ หายคิดถึงลดความเครียดจากความวิตกกังวลเป็นห่วงได้ เมื่อถามว่า อายุน้อยที่สุดที่จะให้ลูกมีมือถือควรเป็นเท่าใด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าขอให้พิจาณาที่ความเหมาะสมว่า ลูกรู้จักรับผิดชอบได้หรือไม่ต้องไม่กระทบค่าใช้จ่าย การใช้เวลาว่าง สำหรับเด็กวัยอนุบาลคิดว่าไม่สนใจเล่นมือถือ ขณะที่เด็กวัยรุ่นจะสนใจฟังชั่นก์ต่าง ๆ มากกว่าเด็กเล็ก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่ามีพ่อแม่ปรึกษาเรื่องลูกวัยรุ่นติดโทรศัพท์มานานแล้วแต่จำนวนไม่มากโดยเป็นพฤติกรรมติดโทรศัพท์ในระดับมัธยมศึกษา อายุ 2-3 ขวบยังไม่พบเป็นโรคติดมือถือ ทั้งนี้มีผลการวิจัยในต่างประเทศ พบว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ พบว่ากลุ่มที่ใช้มือถือ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากกว่ากลุ่มไม่ใช้ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า มือถือทำให้เด็กและเยาวชนสร้างสัมพันธภาพต่อกันอย่างรวดเร็ว ใกล้ชิดกันจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้.
ที่มา : เวบไซด์เดลินิวส์
thongman- เธเธฃเธฃเธฅเธธเนเธเธ
- เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 2638
Registration date : 06/02/2008
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
Permissions in this forum:
เธเธธเธเนเธกเนเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธเธเธดเธกเธเนเธเธญเธ